“เสธ.ยอด” พล.ต.อินทรัตน์ ยอดบางเตยประธานสหพันธ์สมาคมกีฬาชาติ เปิดเผยว่า สหพันธ์ได้ตั้งคณะทำงานขึ้นมา 1 ชุดเพื่อดำเนินการเกี่ยวกับการประสานงาน และผลักดันนักกีฬาไทยเข้าสู่การแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเกมส์ ครั้งที่ 31 ที่ริโอ เดอ จาเนโร ประเทศบราซิล จะเป็นเจ้าภาพในปี 2016 โดยนักกีฬาไทยจะต้องประสบกับความยากลำบากมากขึ้น เนื่องจากคู่แข่งมีจำนวนเพิ่มขึ้นจากนักกีฬาชาติที่เกิดใหม่ ในขณะเดียวกัน ชาติที่เคยเป็นคู่แข่งกันมา อย่างเวียดนาม ก็พัฒนาฝีมืออย่างน่ากลัว อาทิ ในการแข่งขันกีฬาเอเชี่ยนอินดอร์-มาเชี่ยลอาร์ทเกมส์ ครั้งที่ 4 ที่คว้าอันดับ 3 แซงหน้าไทยไปได้สำเร็จ
“เสธ.ยอด” กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ ในช่วงระยะเวลา 3 ปี ก่อนถึงโอลิมปิกเกมส์ ชาติมหาอำนาจอย่างสหราชอาณาจักร หรือจีน นั้นมีงบประมาณเตรียมนักกีฬากว่าหมื่นล้านบาท โดยใช้เงินจากการออกสลากกินแบ่ง ซึ่งเป็นแนวทางที่สอดคล้องกับไทยที่กำลังจะมีพระราชบัญญัติการกีฬาแห่งประเทศไทยฉบับใหม่ ซึ่งจะได้รับงบประมาณจากภาษีเหล้า บุหรี่ กว่า 3,000 ล้านบาท ซึ่งตนเห็นว่างบประมาณส่วนนี้ ควรจะนำมาสร้างนักกีฬามากกว่าที่จะไปก่อสร้างสนามแข่งขัน หรืออาคารสถานที่ต่างๆ และควรจะมีองค์กรอิสระเข้ามาร่วมดูแลรับผิดชอบให้งบประมาณไปสู่สมาคมกีฬาอย่างแท้จริง
“จากโอลิมปิกเกมส์ 2004 เอเธนส์ นักกีฬาไทยผ่านการคัดเลือก 42 คน จาก 13 กีฬา โอลิมปิกเกมส์ 2008 ที่ปักกิ่ง จำนวนเพิ่มขึ้นเป็น 51 คน จาก 13 กีฬาเท่าเดิม แต่เมื่อมาถึงโอลิมปิกเกมส์ 2012 ที่ลอนดอน นักกีฬาไทยผ่านเข้าไปแข่งขันเพียง 37 คน จาก 17 กีฬา และได้เพียง 2 เหรียญเงิน 1 เหรียญทองแดง เท่านั้น” พล.ต.อินทรัตน์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม “เสธ.ยอด” กล่าวว่า นักกีฬาไทยที่จะเข้าไปแข่งขันในโอลิมปิกเกมส์ 2016 ที่บราซิลนั้น ควรจะต้องมีอย่างน้อย 100 คน จากกีฬาที่หลากหลายมากขึ้น นอกเหนือจากกีฬาบุคคล อย่าง มวยสากลสมัครเล่น เทควันโด ยกน้ำหนัก ที่เป็นความหวังเหรียญรางวัลแล้ว ก็ควรจะมีกีฬาประเภททีมด้วย อาทิ วอลเลย์บอล แฮนด์บอล หรือกรีฑา วิ่งผลัด 4×100 ม. ซึ่งจะได้มีการวางแผนร่วมกับสมาคมกีฬาต่อไป
