“น้องมาย” เกือบคว้าเหรียญแรกให้ทัพนักกีฬาไทยได้สำเร็จในศึกยกน้ำหนักหญิงรุ่น 48 กก.
หลังทำน้ำหนักรวมในการยกท่าสแนทซ์และคลีนแอนด์เจิร์ก ได้ทั้งหมด 191 กก. แต่แล้ว
ในช่วงโค้งสุดท้ายกลับถูก รัง ชุน วา คู่แข่งจากเกาหลีเหนือ แซงหยิบเหรียญทองแดงไปครอง
หลังทำน้ำหนักรวมดีกว่าที่ 192 กก. ส่วนเหรียญทองและเหรียญเงินเป็นของจอมพลังสาวจากจีนและญี่ปุ่น
หลังจบการแข่งขัน สิริวิมล ที่พลาดเหรียญทองแดงไปแบบฉิวเฉียด ถึงกับหลั่งน้ำตาด้วยความเสียใจ
ทำให้ พลตรี อินทรักษ์ ยอดบางเตย นายกสมาคมยกน้ำหนักสมัครเล่นแห่งประเทศไทย ต้องเข้ามาปลอบและให้กำลังใจ
ก่อนพา “น้องมาย” ออกมาให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าว ซึ่ง “เสธ.ยอด” เปิดเผยว่าวันนี้ สิริวิมล สู้เต็มที่แล้ว
หลังพยายามเรียกน้ำหนักให้มากกว่าคู่แข่งถึง 112 กก. แม้นักกีฬาเราทำได้แต่ต้องยอมรับ
ว่าคู่แข่งอย่าง จีน, ญี่ปุ่น และเกาหลีเหนือ แข็งแกร่งกว่ามากจริงๆ
ด้าน สิริวิมล กล่าวให้สัมภาษณ์ด้วยน้ำตานองหน้าว่า “ตนรู้สึกเสียใจมาก
เพราะคาดหวังว่าน่าจะได้เหรียญทองแดงกลับบ้านเป็นอย่างน้อย แต่พอเห็นว่าในรอบสุดท้าย
เกาหลีเหนือ ทำน้ำหนักได้ดีแล้วได้เหรียญทองแดงไปก็รู้สึกเสียใจ แต่ทั้งนี้แม้พลาดหวัง
ตนก็จะขอเล่นให้กับทีมชาติต่อไป เพราะเวลานี้มีอายุเพียง 18 ปี เท่านั้น ก็หวังว่าจะทำได้ดีในรายการต่อๆไป”
ขณะเดียวกันมีรายงานว่า พนิดา คำศรี ที่ออกมายกในท่าสแนทซ์แล้วไม่ผ่านทั้ง 3 ครั้ง
ก็ได้รับบาดเจ็บรุนแรงถึงขั้นข้อศอกซ้ายหลุดในการยกครั้งสุดท้าย และไม่ได้ออกมาให้สัมภาษณ์แต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม แม้ไทยจะไม่ได้เหรียญแรกในการแข่งขันรุ่นนี้
แต่ “เสธ.ยอด” ยังมั่นใจว่ายังมีโอกาสสำหรับการแข่งขันรุ่นต่อไปที่ 58 กก.
จาก พิมศิริ ศิริแก้ว และ รัตติกาล กุลน้อย วันที่ 30 ก.ค. นี้
“หากถามว่าการที่ไทยไม่ได้เหรียญรางวัลในรุ่น 48 กก. แล้วจะส่งผลกระทบในรุ่น 58กก. หรือไม่
ผมบอกได้เลยว่าไม่มีปัญหาแน่นอน เพราะนักกีฬาทั้งคู่ต่างก็ฝึกซ้อมมาเป็นอย่างดีและเชื่อว่าทั้งคู่ก็มีลุ้นเช่นกัน
ส่วน พนิดา และ สิริวิมล แม้อายุยังน้อยแต่ผมก็มองว่าพวกเขาสามารถพัฒนาได้มากกว่านี้
และเชื่อมั่นว่าจะก้าวขึ้นเป็นกำลังสำคัญของทีมในอนาคตต่อไป” เสธ.ยอด ทิ้งท้าย
