ยินดีด้วยกับตัวแทนจากประเทศไทยที่ได้รับเลือกให้เข้าไปทำงานในสหพันธ์กีฬานานาชาติ โดยล่าสุด “เสธ.ยอด” พล.ต.อินทรัตน์ ยอดบางเตย นายกสมาคมยกน้ำหนักสมัครเล่นแห่งประเทศไทย ได้รับเสียงสนับสนุนจากชาติสมาชิกให้ดำรงตำแหน่งรองประธานสหพันธ์ยกน้ำหนักนานาชาติ (ไอดับเบิลยูเอฟ) แถมยังได้คะแนนเสียงสูงที่สุด
ขอเล่านิดหนึ่งในฐานะที่เคยมีโอกาสไปทำข่าวการแข่งขันยกน้ำหนักระดับนานาชาติมาบ้าง นับว่า “เสธ.ยอด” เป็นที่รู้จักในวงการยกเหล็กโลกอย่างกว้างขวาง ไล่ตั้งแต่ผู้บริหารสหพันธ์ฯ ตลอดจนทีมงานของชาติต่าง ๆ และมีบทบาทสำคัญในการบริหารจัดการวงการยกเหล็กโลกมาหลายปี ทำให้ “ไทย” มีพันธมิตรและได้รับความร่วมมือด้วยดีตลอดมา ไม่ว่าจะเสนอตัวเป็นเจ้าภาพรายการไหนก็ไม่เคยได้รับการปฏิเสธ รวมทั้งยังสามารถผลักดันให้ผู้ตัดสินไทยไปทำหน้าที่สำคัญ ฯลฯ สิ่งเหล่านี้ถือเป็นเรื่องที่สร้างสรรค์ทั้งนั้น
ขณะที่ “บิ๊กต้อม” ธนา ไชยประสิทธิ์ ประธานที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ สมาคมเทเบิลเทนนิสแห่งประเทศไทยก็เพิ่งได้รับการเลือกให้เป็นหนึ่งในบอร์ดบริหารสหพันธ์เทเบิลเทนนิสนานาชาติ (ไอทีทีเอฟ) รับผิดชอบดูแลในส่วนของทวีปเอเชียเป็นหลัก
ลองหันกลับมามองผู้บริหารวงการกีฬาเมืองไทยก็มีหลายสมาคมกีฬาที่มีตัวแทนเข้าไปสอดแทรกอยู่ในสหพันธ์นานาชาติ ทั้งในระดับเอเชีย และระดับโลก เพราะนี่ถือเป็นหนึ่งภารกิจสำคัญและจำเป็นที่จะช่วยส่งเสริมให้ “นักกีฬาไทย” ก้าวขึ้นไปผงาดในเวทีโลก
แม้ส่วนสำคัญจะอยู่ที่ฝีมือและความพร้อมของนักกีฬา แต่ก็ไม่สามารถปฏิเสธได้ว่าหากมีตัวแทนเข้าไปคลุกคลีวงในย่อม “ได้เปรียบ” มากกว่าอยู่แล้ว หรืออย่างน้อยเราก็จะไม่ถูกใครเอาเปรียบได้ง่าย ๆ
การที่ว่า “ได้เปรียบ” ไม่ใช่ว่าจะ “เอาเปรียบ” ใคร..แต่เมื่อก้าวเข้าไปถึงจุดนั้นแล้ว ย่อมมีเพื่อนฝูงมากหน้าหลายตา มีโอกาสแลกเปลี่ยนความรู้ความคิดนำมาซึ่งการพัฒนาวงการกีฬา รวมทั้งยังอยู่ใกล้ชิดกับกฎระเบียบข้อบังคับต่าง ๆ โอกาสทำผิดกติกาจึงลดน้อยลงไปด้วย
เชื่อว่าผู้บริหารสมาคมกีฬาไทยที่มีโอกาสเข้าไปนั่งอยู่ในสหพันธ์กีฬาระดับนานา ชาติจะใช้ความ “ได้เปรียบ” มาเกื้อหนุนวงการกีฬาไทย ส่วนสมาคมที่ยังไม่มีตัวแทนแทรกซึมไปทำงานในเวทีใหญ่ก็ควรจะบรรจุเป็นนโยบายผลักดันให้ “คนไทย” ได้เข้าไปมี “ที่ยืน” ให้ได้ .. เชื่อเถอะว่าโอกาสที่ดีจะเข้ามาหามากกว่าเป็นเพียงแค่สมาชิกเฉย ๆ แน่.
