เปิดใจ”น้องเก๋”ลาทีมชาติ ก้าวสู่ตำนาน”ฮีโร่โอลิมปิก”

เผยแพร: 21/10/2012 โดย:Web Master

57 

        ชื่อน้องเก๋เป็นที่จดจำของพี่น้องชาวไทยมาถึงทุกวันนี้ หลังจากที่เธอคว้าเหรียญทองจากเกมกีฬาอันยิ่งใหญ่โอลิมปิกเกมส์ 2008″ ที่กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน

          ทว่าเธอไม่มีโอกาสได้ทำผลงานครั้งสุดท้ายอย่างที่วาดฝันเอาไว้คือ การได้ร่วมศึกโอลิมปิกเกมส์เป็นสมัยที่ 2 ในลอนดอนเกมส์ 2012″ ที่ประเทศอังกฤษด้วยเหตุผลของสมาคมยกน้ำหนักสมัครเล่นแห่งประเทศไทย และตัวเธอก็น้อมรับเหตุผลเหล่านั้นในที่สุด ก่อนจะหลุดโผจากแคมป์เก็บตัวฝึกซ้อมทีมชาติชุดปัจจุบัน

          นั่นคือจุดที่นำมาสู่งานอำลาทีมชาติอย่างเป็นทางการ

          สมาคมยกน้ำหนักภายใต้การกุมบังเหียนของ “เสธ.ยอด” พล.ต.อินทรัตน์ ยอดบางเตย นายกสมาคม ได้จัดงานอำลาให้น้องเก๋ร่วมด้วยงานฉลองชัยซีเกมส์ 2011-โอลิมปิกเกมส์ 2012 ที่โรงแรมโกลเด้น ทิวลิป ซอฟเฟอริน กรุงเทพ เมื่อคืนวันที่ 14 ตุลาคม มีสมาชิกยกน้ำหนักทั่วประเทศให้เกียรติร่วมงานคับคั่ง รวมถึงอดีตฮีโร่โอลิมปิก “ไก่” ปวีณา ทองสุก, “อรอุดมพร พลศักดิ์, อารีย์ วิรัฐถาวร และฮีโร่คนล่าสุดแต้วพิมศิริ ศิริแก้ว

          ก่อนขึ้นเวทีกล่าวคำอำลาน้องเก๋ซึ่งเริ่มเล่นยกน้ำหนักตอนอายุ 10 ขวบ จากการชักชวนของ โค้ชสมชาติ แสงน้อย และโค้ชประทีป แสงน้อย ได้เปิดใจถึงจุดหักเห จากก่อนหน้าที่มีข่าวว่ายังไม่อยากเลิกเล่น แต่ก็ตัดสินใจแขวนเหล็กในที่สุด

          “เก๋คิดว่ามันถึงเวลาแล้ว ถ้าการที่เราต้องไปเริ่มต้นฉบับหนึ่งใหม่ ด้วยอายุของเรามันไม่สมควรเริ่มนับหนึ่งใหม่ สมควรจะเดินไปข้างหน้าในสายยกน้ำหนัก แต่เมื่อต้องเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่ ก็มีความรู้สึกว่าเราคงต้องเอาเวลานั้นไปปรับเปลี่ยนชีวิตที่มั่นคงมากขึ้นวันใดวันหนึ่ง เราก็ต้องเลิก ต้องหยุดอาชีพนี้แน่นอน ขึ้นอยู่กับว่าเร็วหรือช้าแค่นั้น

          ประภาวดี หรือชื่อเดิมจันทร์พิมพ์ กันทะเตียนในวัย 28 ปี เล่าถึงสิ่งต่างๆ ที่ได้จากยกน้ำหนัก หลังจากคลุกคลีอยู่กับกีฬาชนิดนี้มาเกือบ 20 ปี

          “ยกน้ำหนักให้แทบทุกสิ่งอย่าง ทั้งอนาคต การศึกษา ฐานะ ความมั่นคง เราได้เป็นทหาร ในยศร้อยโท มีอาชีพที่มั่นคงสามารถเลี้ยงตัวเองต่อไปได้ เก๋เพิ่งเข้ารับหน้าที่เมื่อวันที่ 1 ตุลาคมที่ผ่านมา ประจำแผนกสนับสนุนการผลิตสายพลาธิการ

          …นอกจากนี้ ยกน้ำหนักสอนให้เรารู้ว่าวันหนึ่งมีสูง เราก็ต้องมีลง มีล้มก็มีลุก ถ้าเราไม่เคยล้มก็จะไม่รู้วิธีว่าจะทำอย่างไรให้เราลุก ที่ผ่านมาล้มหลายครั้ง ล้มแล้วลุกๆ จนมีความรู้สึกว่าวันนี้ ไม่มีอะไรแล้วที่เราผ่านไปไม่ได้ ตอนที่ล้มมันเป็นความรู้สึกเหนื่อย เจ็บและเครียด เพราะบางที เราก็คาดหวังในตัวเองค่อนข้างเยอะ

          กับความรู้สึกแรกของประภาวดี เมื่อต้องแขวนชุดนักกีฬาแล้วพลิกบทบาทจากจอมพลังมาสวมชุดทหารอันทรงเกียรติทำหน้าที่ทหารรับใช้ประเทศชาติ

          “วันแรกที่เข้าไปทำงาน รู้สึกตื่นเต้นเหมือนกับเราเริ่มต้นชีวิตใหม่ ในสังคมที่เราไม่เคยรู้จักวันนี้ เราเข้าไปได้เรียนรู้ตื่นเต้นที่มีโอกาสได้ทำตรงนี้ด้วย…บรรยากาศก็สนุก มาก อยู่กับหลายๆ คนที่เอ็นจอยไปกับเรา เขามีความสุข เราก็มีความสุข…งานวันแรกที่ทำคือเซ็นหนังสือเพราะตรงจุดที่เราไปทำก่อน หน้านี้ขาดคนเก๋ทำงานในส่วนของคลังหนัง ตรวจสอบเรื่องการเย็บรองเท้า หนังฟอกรองเท้าการผลิตทั้งรองเท้าและเสื้อผ้า

          ขณะที่เป้าหมายในชีวิตของ “ร้อยโทหญิง ประภาวดี เจริญรัตนธารากูล” …มีความมุ่งมั่นที่จะทำหน้าที่และก้าวไปให้สูงที่สุดเท่าที่หน้าที่การงาน ของเธอเอง ณ กรมพลาธิการ จ.นนทบุรี จะสามารถก้าวไปถึงได้ ซึ่งทุกคนพร้อมให้การสนับสนุนเธอคนนี้ ผู้สร้างชื่อเสียงและเกียรติประวัติให้ประเทศไทยมาแล้ว

          “น้องเก๋” ได้ฝากความในใจไปถึงรุ่นน้องเป็นการส่งท้าย ก่อนที่เธอจะกลายเป็น “อดีตนักยกน้ำหนัก” เมื่อเสร็จสิ้นพิธี

          “อยากให้น้องๆ ตั้งใจฝึกซ้อม เชื่อว่าทุกคนมีเป้าหมาย มีความฝัน อยากให้น้องๆ ก้าวไปถึงจุดนั้น ไม่มีอะไรยากเกินไปสำหรับเรา คนอื่นก็ยังทำได้ เราก็ต้องทำได้ ขึ้นอยู่กับว่าเราได้พยายามเต็มที่แล้วหรือยัง”