เกาะติดภูเก็ตเกมส์: ปัตตานีขอ 2 ทอง

เผยแพร: 29/05/2012 โดย:Web Master

เพื่อมาร่วมกันสร้างนักกีฬาเยาวชน และวางรากฐานกีฬาของจังหวัดให้ประสบความสำเร็จในอนาคต ทำให้ตอนนี้วงการกีฬาของสุราษฎร์ธานี กลับมาคึกคักอีกครั้ง เพราะได้รับการสนับสนุนจาก นายชุมพล กาญจนะ, นายแทน เทือกสุบรรณ มีการดูแลให้นักกีฬามีการเก็บตัวฝึกซ้อม มีการเชิดชูเกียรตินักกีฬา ดูแลเรื่องสวัสดิการให้กับนักกีฬา ดูแลเรื่องชุดและอุปกรณ์การแข่งขัน พร้อมกับให้เงินอัดฉีดเต็มที่ ทำให้นักกีฬามีขวัญและกำลังใจดีมาก

ผอ.ศูนย์ กกท.จังหวัดสุราษฎร์ธานี ยังกล่าวต่อไปอีกว่า ในการแข่งขันกีฬาเยาวชนแห่งชาติ ครั้งที่ 27 “อุตรดิตถ์เกมส์” เมื่อปีที่แล้ว นักกีฬาของสุราษฎร์ธานี คว้ามาได้ 16 ทอง, 9 เงิน, 14 ทองแดง และที่ “ภูเก็ตเกมส์” ก็คาดว่าจะได้ประมาณ 12-16 ทองเท่าเดิม ซึ่งกีฬาที่เด่นยังคงเป็น กรีฑา, เทควันโด, จักรยาน ส่วนในการแข่งขันกีฬาแห่งชาติ ครั้งที่ 41 “เชียงใหม่เกมส์” ระหว่างวันที่ 9-19 ธ.ค. 55 เชื่อว่านักกีฬาของสุราษฎร์ธานี จะทำผลงานได้ดีกว่าเดิม หลังจากเมื่อปี 2550 ที่สุราษฎร์ธานี ได้เป็นเจ้าภาพจัดกีฬาเยาวชนแห่งชาติครั้งที่ 23 แต่แล้วการพัฒนากีฬาเกิดสะดุดลงไปเล็กน้อย

ปัตตานีอยากคว้า 2 ทอง

นายพรประสิทธิ์ เล็กสุทธิ์เจริญ ผอ.ศูนย์ กกท.จังหวัดปัตตานี เปิดเผยว่า ในการแข่งขัน “ภูเก็ตเกมส์” นักกีฬาของปัตตานี ได้ผ่านเข้ามาแข่งขัน 68 คน แบ่งเป็น ชาย 17 และ หญิง 51 ทางปัตตานี ตั้งเป้าไว้ว่า จะได้อย่างน้อย 1-2 เหรียญทอง จาก เรือพาย, ลีลาศ, ปันจักสีลัต แม้ว่าที่ “อุตรดิตถ์เกมส์” จะทำได้เพียง 1 เหรียญเงิน, 2 เหรียญทองแดง ซึ่งนักกีฬาเยาวชนชุดนี้ มีการฝึกซ้อมกันอย่างต่อเนื่อง แม้ภายในจังหวัดยังมีปัญหาเรื่องความไม่สงบก็ตาม โดยนักกีฬาทุกคนรู้สึกภูมิใจที่ได้มาแข่งขัน และเป็นตัวแทนของจังหวัด นอกจากนี้หากใครสามารถคว้าเหรียญทองกลับมาได้ ทางผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี จะมอบเงินอัดฉีดให้ 10,000 บาท และ สมาคมกีฬาจังหวัดปัตตานี จะให้เงินอีก 10,000 บาท ส่วนเหรียญเงิน จะได้ 5,000 บาท และ เหรียญทองแดง 3,000 บาท ซึ่งเหรียญเงิน และ เหรียญทองแดง ทาง สมาคมกีฬาจังหวัดฯ ก็จะให้เงินสมทบอีก 5,000 บาท และ 3,000 บาท เช่นกัน

บิ๊กหนุ่มปรับโฉมเยาวชน

“บิ๊กหนุ่ม” นายกนกพันธุ์ จุลเกษม ผู้ว่าการ กกท. เปิดเผยว่า ก่อนที่จะหมดวาระในการเป็น ผู้ว่าการ กกท.ในปี 2557 อยากจะปรับโฉมการแข่งขันกีฬาเยาวชนแห่งชาติใหม่ หลังจากที่ได้ให้นโยบายในการปรับปรุงกีฬาแห่งชาติ ให้มีคุณภาพ และมีความเข้มข้นขึ้น เพื่อเป็นการพัฒนานักกีฬาของประเทศอย่างแท้จริง โดยสิ่งแรกที่ให้ ฝ่ายพัฒนากีฬาเป็นเลิศ ไปทำก็คือ ต้องเน้นให้เจ้าภาพจัดชนิดกีฬาที่เหมาะสมกับความสามารถของตัวเอง รวมทั้งต่อไปควรจะจัดกีฬาไม่ให้มากเกินไปอยู่ราว ๆ 30-32 ชนิดกีฬาน่าจะเหมาะสมที่สุด และเลือกจัดกีฬาที่มีอยู่ในโอลิมปิก, เอเชี่ยนเกมส์ เป็นหลัก จากนั้นถึงจะเลือกจัดกีฬาที่แข่งในซีเกมส์บางชนิด เพื่อให้เกมที่คุณภาพ ไม่ใช้งบประมาณอย่างสูญเปล่า

ส่วนแนวทางต่อไปที่จะต้องหารือร่วมกับสมาคมกีฬาต่าง ๆ ก็คือ ในอนาคตการแข่งขันกีฬาเยาวชนแห่งชาติ ควรจะยึดรูปแบบจากการแข่งขันกีฬายูธ เอเชี่ยนเกมส์, กีฬายูธโอลิมปิก จะได้พัฒนานักกีฬาให้เหมาะสมกับปีที่มีการแข่งขันทั้ง 2 รายการ ซึ่งต่อไปอาจจะมีการกำหนดกีฬาที่จะแข่งในแต่ละประเภทใหม่ ไม่ใช่แค่กำหนดอายุอย่างกว้าง ๆ คือ ไม่เกิน 18 ปี แต่กีฬาบางชนิด บางประเภท อาจจะมีการแยกอายุให้ชัดเจนเลยว่า แต่ละรุ่นจะแบ่งเป็นช่วงอายุระหว่าง 12-14 ปี และ 16-18 ปี โดยตอนนี้ได้สั่งให้ฝ่ายพัฒนากีฬาเป็นเลิศ เร่งหาข้อสรุปว่า จะปรับการจัดกีฬาเยาวชนแห่งชาติให้มีคุณภาพและทันสมัยได้อย่างไร

เสธ.ยอดปลื้มยกเหล็กดาวรุ่ง

“เสธ.ยอด” พล.ต.อินทรัตน์ ยอดบางเตย นายกสมาคมยกน้ำหนักแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า หลังจาก ยกน้ำหนัก ได้ทำการแข่งขันมา 2 วันใน “ภูเก็ตเกมส์” ก็ถือว่านักกีฬารุ่นใหม่ ทำผลงานกันได้ดีหลายคนเลยทีเดียว โดยเฉพาะนักกีฬายกน้ำหนักชาย ที่มีการพัฒนาฝีมือ พัฒนาเทคนิคการยก และความแข็งแกร่งของร่างกายได้ดีมาก จะเห็นได้ว่าในแต่ละรุ่นยกเหล็กได้สูสีกัน กว่าจะเอาชนะกันได้ต้องลุ้นกันจนถึงวินาทีสุดท้าย นี่คือสิ่งที่สมาคมฯภูมิใจ เพราะส่วนหนึ่งมาจากการที่ “โค้ช” ทั้งหลายเริ่มมีความรู้มากขึ้น สามารถพัฒนานักกีฬาชายให้มีตัวเลือกมากขึ้น

อย่างไรก็ตามสิ่งที่จะต้องปลูกฝังให้กับนักกีฬารุ่นใหม่ และผู้ฝึกสอนได้รับทราบก็คือ จะต้องระวังในเรื่องของการใช้ยา ไม่ว่าจะเกิดจากกรณีเป็นไข้ หรือ ใช้ยาบำรุง จะต้องได้รับคำแนะนำจากแพทย์อย่างใกล้ชิด เพราะหากมีโอกาสก้าวขึ้นมาเป็นตัวแทนในระดับเยาวชนทีมชาติ และมาถูกตรวจพบว่า ใช้ยาที่ต้องห้าม แบบรู้เท่าไม่ถึงการณ์ จะทำให้ตัวเองหมดอนาคต สมาคมยกน้ำหนักฯ ได้รับความเสียหาย และส่งผลต่อเชื่อเสียงของประเทศชาติด้วย ซึ่งในการแข่งขันที่ “ภูเก็ตเกมส์” ก็ได้มีการส่งให้นักกีฬาที่ได้อันดับ 1-3 ต้องทำการตรวจโด๊ปกันทุกคน.

ที่มา: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์