นับถอยหลังสู่”ลอนดอนเกมส์” เพื่อเหรียญทองของไทยสมัยที่ 5

เผยแพร: 26/04/2012 โดย:Web Master

96

          ทัพนักกีฬาไทย ได้สิทธิ์เข้าร่วมการแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ ครั้งที่ 30 ซึ่งจะแข่งขันวันที่ 27 กรกฎาคม – 12 สิงหาคม นี้ จำนวน 27 คน จาก 13 กีฬา ประกอบด้วย มวยสากลสมัครเล่น 3 คน แก้ว พงษ์ประยูร รุ่น 49 กก., สายลม อาดี รุ่น 60 กก.และ ฉัตรชัย บุตรดี รุ่น 52 กก. ว่ายน้ำ 3 คน จาก “เงือกอุ้มณัชฐานันตร์ จันร์กระจ่าง ฟรีสไตล์ 200 ม., ฟรีสไตล์ 400 ม., “เจมส์บอนด์ณัฐพงษ์ เกษอินทร์ กบ 100 ม. กบ 200 ม., เดี่ยวผสม 200 ม., รดมยศ มาตเจือ กบ 100 ม. 

          กรีฑา 1 คน วนิดา บุญวรรณ์ กระโดดสูงหญิง ขี่ม้า 1 คน รุจิราภรณ์ ลีเกิ้น ล่ำซ้ำ ประเภทอีเวนติ้ง, ยิงธนู 1 คน วิทยา ทำว่อง ประเภทคันธนูโค้งกลับ ยิงเป้าบิน 1 คน สุธิยา จิวเฉลิมมิตร ประเภทสกีตหญิง เรือพาย 1 คน จาก แฮร์มัน ลุดวิก ฮูสไลน์ ลูกครึ่งไทย-เยอรมัน ประเภทคยัคชายเดี่ยว, ยิงปืน 3 คน คือ จักรกฤษณ์ พณิชย์ผาติกรรม ปืนสั้นยิงช้า 50 ม.ชาย, ธันยพร พฤกษากร ปืนสั้นสตรี 25 ม., ณภัสวรรณ หย่างไพบูลย์ ปืนสั้นสตรี 25 ม., ยูโด 1 คน คือ ธีรวัฒน์ หอมกลิ่น รุ่นไม่เกิน 100 ก.ก.ชาย, วินด์เซิร์ฟ 2 คน เอก บุญสวัสดิ์ รุ่นอาร์เอสเอ็กซ์ชาย, นภาลัย ธารใส ในรุ่นอาร์เอสเอ็กซ์หญิง, เทเบิลเทนนิส 1 คน นันทนา คำวงศ์ 

          ส่วน 2 กีฬาที่ไทยได้โควตาประเทศคือ ยกน้ำหนัก 7 คน เป็นหญิง 4 คน และชาย 3 คน ซึ่งสมาคมยกน้ำหนักสมัครเล่นแห่งประเทศไทย จะต้องคัดเลือกจอมพลังที่พร้อมที่สุด โดยคาดว่าประเภทหญิง ไทยจะส่งในรุ่น 48 กก., 52 กก., 58 กก., 63 กก., ส่วนชาย คาดส่งรุ่น 69 กก., 77 กก., 85 กก, เช่นเดียวกับ เทควันโด ได้โควตา 3 คนจากประเภทต่อสู้ ได้แก่ เป็นเอก การะเกตุ รุ่น 58 กก.ชาย, ชนาธิป ซ้อนขำ รุ่น 49 กก.หญิง และ รังสิยา นิสัยสม รุ่น 57 กก.หญิง ซึ่งสมาคมเทควันโดแห่งประเทศไทยจะคัดเลือกนักกีฬาที่เหมาะสมอีกครั้ง โดยมี 3 จอมเตะ ที่ได้โควตาเป็นตัวยืน

          “บิ๊กหนุ่มนายกนกพันธุ์ จุลเกษม ผู้ว่าการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ประธานกรรมการเตรียมนักกีฬาไทย กล่าวว่า จากผลการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเกมส์ ครั้งที่ 29 “ปักกิ่งเกมส์ประเทศไทยอยู่ อันดับที่ 31 ทำได้ 2 เหรียญทอง 2 เหรียญเงิน จึงต้องพยายามรักษามาตรฐานเดิมเอาไว้ โดยอย่างน้อยต้องอยู่ในอันดับที่ 5 ของทวีปเอเชีย รองจาก จีน, เกาหลีใต้, ญี่ปุ่น และคาซัคสถาน 

          การเตรียมนักกีฬาเข้าร่วมการแข่งขันลอนดอนเกมส์นั้น กกท.ได้ทุ่มงบประมาณ 69,395,800 บาท แบ่งเป็นการส่งนักกีฬาคัดเลือกเพื่อให้ได้โควตา 10 ล้านบาท, สนับสนุนสมาคมกีฬาฯ เพื่อเตรียมนักกีฬา 34.7 ล้านบาท, สนับสนุนสมาคมกีฬาฯ เพื่อนักกีฬาเข้าร่วมการแข่งขัน 20 ล้านบาท และสำหรับการเดินทางไปสังเกตการณ์แข่งขันของคณะอนุกรรมการ, ผู้บริหาร และเจ้าหน้าที่ อีก 4.6 ล้านบาท 

          การฝึกซ้อมที่เริ่มมาตั้งแต่ปลายเดือน ธันวาคม 2554 แบ่งนักกีฬาที่ผ่านการคัดเลือกแล้วจะเข้าเก็บตัวฝึกซ้อมทันที และนักกีฬาที่อยู่ระหว่างการคัดเลือก โดย กกท. สนับสนุนเบี้ยเลี้ยง-ที่พักและอุปกรณ์ฝึกซ้อมและแข่งขัน, การแข่งขันทดสอบ, สถานที่ฝึกซ้อม, วิทยาศาสตร์การกีฬา, การศึกษา และสวัสดิการต่างๆ เพื่อให้นักกีฬาได้โควตามากที่สุด และมีความพร้อมที่สุด แข็งแกร่งที่สุด ก่อนจะไปชิงชัยในลอนดอนเกมส์ผู้ว่าการ กกท.กล่าว โอลิมปิกเกมส์ ครั้งนี้มีกีฬาแข่งขันลดลงเหลือเพียง 26 กีฬา แต่ชิงอยู่ในระดับเดิมคือ 302 เหรียญทอง กกท.ร่วมกับสมาคมกีฬาตั้งเป้าหมายที่ 2 เหรียญทอง ซึ่งนักกีฬาที่ประสบความสำเร็จได้รับเหรียญกลับมากองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ  ก็จะมอบเงินอัดฉีดเพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้นักกีฬา เหรียญทอง 10 ล้านบาท, เหรียญเงิน 5 ล้านบาท และเหรียญทองแดง 3 ล้านบาท 

          นอกจากนี้ กกท.ได้ลงนามบันทึกข้อตกลง สภาเมืองเชสเตอร์ ในการนำนักกีฬาทีมชาติไทยชุดโอลิมปิกเกมส์ เข้าเก็บตัวฝึกซ้อมเพื่อเป็นการเตรียมทีมก่อนการแข่งขัน ซึ่งสภาเมืองแมนเชสเตอร์ จะสนับสนุนค่าใช้จ่าย ของนักกีฬาและเจ้าหน้าที่ ที่เข้าร่วมค่ายฝึกซ็อม ที่เมืองแมนเชสเตอร์ จำนวน 29 คน ระยะเวลา 14 วัน ระหว่างวันที่ 13-27 กรกฎาคม เพื่อที่จะให้นักกีฬาไทยได้มีการปรับตัวและมีความพร้อม 13-27 กรกฎาคม เพื่อที่จะให้นักกีฬาไทยได้มีการปรับตัวและมีความพร้อมก่อนที่จะเข้าร่วมการแข่งขันจริง นักกีฬาไทยจะได้เข้าร่วมแข่งขันอย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด ไทยได้เหรียญทองโอลิมปิกเกมส์ เหรียญแรกในประวัติศาสตร์จาก สมรักษ์ คำสิงห์ นักมวยสากลสมัครเล่น ในโอลิมปิกเกมส์ ครั้งที่ 26 ที่แอตแลนตา สหรัฐอเมริกา เมื่อปี 1996 จากนั้น ทัพนักกีฬาไทย ก็คว้าเหรียญทองได้มาโดยตลอด ทั้งที่ ซิดนีย์ 2000., เอเธนส์ 2004, ปักกิ่ง 2008 รวม 4 สมัยติดต่อกั 

          แฟนกีฬาชาวไทยจึงหวังใจเป็นอย่างยิ่งว่าใน ลอนดอน 2012 นักกีฬาไทยจะมีเหรียญทองโอลิมปิกเกมส์ คล้องคอกลับบ้านเป็นสมัยที่ 5 ติดต่อกัน 

          กองประชาสัมพันธ์ การกีฬาแห่งประเทศไทย 

          ที่มา: หนังสือพิมพ์สยามกีฬา