“เสธ.ยอด” พล.ต.อินทรัตน์ ยอดบางเตย ประธานสมาพันธ์สมาคมกีฬาชาติ เปิดเผยว่า หลังจากไปหารือกับคณะผู้บริหารการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ในการเตรียมนักกีฬาทีมชาติไทย เพื่อเข้าสู่การแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเกมส์ 2016 ที่กรุงริโอ เดอ จาเนโร ประเทศบราซิล ซึ่งจะต้องเริ่มงานตั้งแต่วันนี้ โดยเบื้องต้นจะต้องยอมรับถึงความล้มเหลวที่เกิดขึ้น จากการแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ 2012 ที่ลอนดอน ประเทศอังกฤษ ที่ไทยพลาดเหรียญทองครั้งแรกในรอบ 16 ปี ตั้งแต่การเตรียมนักกีฬา การแข่งขันในต่างประเทศ โดยเฉพาะเรื่องของการสร้างศูนย์ฝึกนักกีฬาอย่าง คุนหมิง หรือ ออสเตรเลีย นั้นไม่ประสบความสำเร็จมากนัก จึงควรเป็นเรื่องของแต่ละสมาคมในการเตรียมนักกีฬาจะถูกทางกว่า
ทั้งนี้ กกท. ยืนยันในการทำแผนการเตรียมนักกีฬาเพื่อคว้าเหรียญทองโอลิมปิกเกมส์ 2016 โดยขอให้สมาคมกีฬาที่เป็นความหวัง ประกอบด้วย มวยสากลสมัครเล่น, ยกน้ำหนัก, เทควันโด, ยิงปืน, ยิงเป้าบิน และแบดมินตัน ตลอดจนสมาคมกีฬาอื่นๆ ที่จะส่งนักกีฬาไปคว้าโควตาโอลิมปิกเกมส์ จัดทำแผนงานและกรอบงบประมาณ เพื่อกกท. จะได้ให้การสนับสนุนเพิ่มเติม ตลอดจนการสร้างค่ายเก็บตัวฝึกซ้อมล่วงหน้าก่อนการแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ 2016 ด้วย เนื่องจากบราซิลเป็นประเทศที่อยู่ห่างไกลกับไทยมากเวลาต่างกันราว 12 ชั่วโมง นักกีฬาจะต้องมีเวลาในการปรับสภาพร่างกายอย่างน้อยที่สุด 1 สัปดาห์
พล.ต.อินทรัตน์ ในฐานะนายกสมาคมยกน้ำหนักฯ กล่าวว่า สมาคมได้จัดทำแผน 4 ปี สู่เหรียญทอง “ริโอ เดอะ จาเนโร เกมส์” แล้ว ซึ่งมีทั้งการเก็บตัวฝึกซ้อมนักกีฬาและการส่งนักกีฬาไปแข่งขันรายการต่างๆ ตลอด 4 ปี ใช้งบประมาณราว 120 ล้านบาท ซึ่งเป็นจำนวนที่ไม่มากเพราะสมาคมเตรียมนักกีฬาอย่างต่อเนื่องทุกปี ไม่ได้ทุ่มเงินมหาศาลเพื่อเหรียญทองเหรียญเดียว
“ในวันที่ 10 มกราคม 2556 สมาพันธ์จะนัดหมายผู้แทนสมาคมกีฬาแห่งประเทศไทย เพือหารือถึงแผนการเตรียมนักกีฬาโอลิมปิกเกมส์เป็นหลัก รวมถึงแผนการเตรียมนักกีฬาไปแข่งขันเอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ 17 ที่ อินชอน เกาหลีใต้ ในปี 2014 ไปพร้อมกันด้วย” พล.ต.อินทรัตน์ กล่าว